แค่ซื้อหนังสือก็ผิดแล้ว

หนังสือที่ฉันสั่งออนไลน์มา ถูกคนที่บ้านเอาไปซ่อน ตอนแรกมันก็เป็นแค่เรื่องสนุก เพราะพี่ไม่รู้ว่าคืออะไร และกลัวโควิด จึงอยากให้เชื้อไวรัสตายก่อน แล้วค่อยผ่านมาถึงมือฉัน
.
.
แต่เมื่อโดนแกะออกมาก็ปรากฎว่าเป็นหนังสือ ซึ่งแม่ห้ามซื้อ เพราะเคยบอกว่าสิ้นเปลืองเงินทอง แต่เป็นเพราะฉันชอบอ่านหนังสือ มันทำให้มีความสุข และฉันโตมากับมัน
.
.
แม่เอาหนังสือไปซ่อนต่อแทนพี่ ทั้งที่เชื้อไวรัสน่าจะตายแล้ว ฉันยังไม่ได้สัมผัสมันแม้แต่น้อย ทั้งที่เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้น คนอื่นไม่ควรจะมีสิทธิ์เอามันไปซ่อน
.
.
คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือหรือจะมาเข้าใจความรู้สึกของฉัน มันเป็นสิ่งสำคัญ ในบางวันที่แสนจะย่ำแย่ มีแค่หนังสือเท่านั้นที่ทำให้ฉันมีกำลังใจอยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ (ฉันเป็นโรคซึมเศร้า รักษาและกินยาอยู่ ที่บ้านก็รู้ แต่ก็เฉยๆ คิดว่าฉันเหมือนคนอื่นๆ)
.
.
ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเอาโทรศัพท์มือถือของแม่ไปซ่อนบ้าง เพราะอยากจะให้รับรู้ถึงเวลาที่สิ่งสำคัญของเราหายไป มันทั้งโมโห เจ็บปวด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
.
.
ฉันอาจทำผิดที่เคยตกลงกับแม่ไว้ว่าจะซื้อหนังสือเพียงแค่เดือนละเล่ม แต่นี่ก็หลายเดือนแล้วที่ไม่ได้ซื้อ แล้วอีกอย่างมันเป็นหนังสือมือ 2 ที่ไม่ได้รอเจ้าของคนไหน มันพร้อมจะบินไปหาใครก็ได้ ที่จ่ายเงินเร็วกว่า ฉันเลยรีบซื้อมาอ่าน
.
.
อีกอย่างมันเป็นหนังสือจิตวิทยาที่ใช้พัฒนาตัวเอง คนในบ้านไม่มีใครเข้าใจว่ามันมีประโยชน์และความหมายกับฉันมากแค่ไหน มันอาจดูเหมือนทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
.
.
แต่บางครั้งหนังสือก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข จนกระทั่งเกิดการทะเลาะแย่งชิงของที่ต่างคนต่างเอาไปซ่อนกันเกิดขึ้น ฉันรู้ดีว่าถึงแม้จะได้อ่านหนังสือในตอนนี้ ก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี
.
.
ฉันไม่ได้เห็นหนังสือสำคัญกว่าคนที่บ้าน แต่ฉันอยากให้ทุกคนเข้าใจฉันบ้าง ซึ่งฉันรู้ดีว่าถ้าพูดไปก็ไม่มีใครฟัง ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
.
.
ฉันจึงทำได้แค่มาระบายในนี้ และยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี มันก็แค่หนังสือเล่มเดียว สมองฉันพูด แต่หัวใจมันบอกว่า ทำไมแค่หนังสือเล่มเดียวถึงให้ฉันไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่